ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรียมีโครงสร้าง
3 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นรูปสี่เหลี่ยมสูง 55 เมตร ส่วนที่ 2
เป็นรูปแปดเหลี่ยมสูง 27 เมตร และส่วนสุดท้ายซึ่งเป็นทรงกรวยสูง
7 เมตร
ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเทพโพไซดอน เทพแห่งท้องทะเลอีกด้วย
การก่อสร้างประภาคารใช้เวลากว่า
20 ปี ทำทางบันไดวนขึ้นไปจนสุดยอดตัวประภาคาร
บนยอดมีตะเกียงขนาดใหญ่ซึ่งสันนิษฐานว่าเอาไว้ปล่อยควันในเวลากลางวัน
ส่วนกลางคืนจะส่องไฟนำทางไกลถึง 36 กิโลเมตร
แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคนโบราณใช้วิธีการใดในการจุดไฟส่องสว่าง
เทพโพไซดอน
โพไซดอน เป็น
เทพเจ้าแห่งท้องทะเล และมหาสมุทร เป็น ผู้ปกครองดินแดน แห่งท้องน้ำ
ตั้งแต่แหล่งน้ำจืด เช่น แม่น้ำ ลำคลอง จนถึงใต้บาดาล มีอาวุธคือสามง่าม
บางตำนานกล่าวว่า มีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้แล้วยังถือว่าเป็นเทพแห่งแผ่นดินไหว
และเป็นเทพแห่งม้าอีกด้วย
ตามตำนานเล่าว่า โพไซดอนเป็นบุตรของโครโนสกับเร มีพี่น้องอีก 4 องค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพแห่งโอลิมปัสทั้งสิ้น
ได้แก่
1. ซุส
ผู้เป็นใหญ่ในสภาเทพแห่งโอลิมปัส
2. ฮาเดส
ผู้ครอบครองยมโลก
3. เฮรา ชายาแห่งเทพซุส ราชินีแห่งสวรรค์
4. เฮสเตีย เทพีแห่งเตาผิง
รูปลักษณ์ของโพไซดอน ส่วนมากจะปรากฏเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำล่ำสัน มีหนวดเครา ถือสามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งสามง่ามนี้มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถดลบันดาลให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเล หรือแผ่นดินไหวได้ ครั้งหนึ่งโพไซดอน เคยคิดที่จะโค่นอำนาจของซุส โดยร่วมมือกับเฮราและอะธีนา แต่ไม่สำเร็จจึงถูกซุสลงโทษ โดยการให้ไปสร้างกำแพงเมืองทรอย ร่วมกับเทพอพอลโล
โพไซดอนมีมเหสีองค์หนึ่ง
ซึ่งเป็นหญิงรับใช้ของเทพีอะธีนา คือ เมดูซ่า
ซึ่งในตอนแรกนั้นยังไม่ถูกสาบให้มีผมเป็นงู
เพิ่งจะเป็นเช่นนั้นเมื่อเทพีอะธีนาทราบเรื่องว่าหญิงรับใช้ของตน
ไปเป็นมเหสีของโพเซดอน จึงสาบเมดูซ่าให้เป็นปีศาจที่มีผมเป็นงู
และเมื่อมองใครก็จะกลายเป็นหินไปหมด ในคราวที่เปอร์ซิอุสปราบเมดูซ่านั้น
เปอร์ซิอุสได้ตัดศีรษะของเมดูซ่าแล้วเลือดของเมดูซ่าที่กระเซ็นออกมา
กลายเป็นม้าบินสองตัว คือ เพกาซัส (Pegasus)
และ คริสซาออร์ (Chrysaor) ดังนั้นจึงถือว่า ทั้ง เพกาซัส และ คริสซาออร์
เป็นลูกของโพไซดอนด้วย
เมดูซ่า
เทพีอะธีนา
โพไซดอน มีพาหนะเป็นม้าน้ำเทียมรถ
ที่มีส่วนบนเป็นม้า และท่อนล่างเป็นปลา ซึ่งบางครั้ง จะพบรูปโพไซดอนอยู่บนรถเทียมม้าน้ำนี้ขึ้นมาจากทะเล
โพไซดอน เป็นเทพเจ้าที่หงุดหงิดและโมโหง่าย ดวงตาสีฟ้าดุดัน มองผ่านทะลุม่านหมอกได้
และผมสีน้ำทะเลสยายลงมาเบื้องหลัง โดยได้รับสมญาว่า “ผู้เขย่าโลก”
เนื่องจากเมื่อปักตรีศูลหรือสามง่ามลงบนพื้นดิน
โลกก็จะเกิดการสั่นสะเทือน และแผ่นดินแยกออกจากกัน เมื่อฟาดสามง่ามลงบนทะเล ก็จะบังเกิดคลื่นลูกใหญ่เท่าภูเขาและเกิดพายุ
มีเสียงครึกโครมน่ากลัว ทำให้เรืออับปางลง และผู้คนที่อาศัยอยู่ชายทะเลจมน้ำ
แต่เมื่อยามโพไซดอน อารมณ์ดี ทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป
ทำให้ทะเลสงบและทรงยกแผ่นดินใหม่ขึ้นมาจากน้ำ